เพราะการใส่ใจ
คือ การมอบความรักให้สัตว์เลี้ยง
มาสังเกตดูว่า “น้องหมา-น้องแมว”
สบายดีอยู่หรือเปล่านะ?

ทุกคนเคยสงสัยไหมคะว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าน้องหมา น้องแมว ที่เรารักนั้นกำลังไม่สบายอยู่หรือเปล่านะ? เพราะน้องหมา น้องแมว บอกเราไม่ได้เราจึงต้องสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงอย่างใส่ใจ ว่าสัตว์เลี้ยงของเรานั้นมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปยังไง หรือมีอาการผิดปกติอะไรที่แสดงออกมาทางร่างกาย เพื่อที่เราจะได้พาพวกเขาไปรักษาได้อย่างเร็วที่สุดค่ะ

สุขภาพของน้องหมา น้องแมวเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม หากน้องหมาที่คอยวิ่งออกมาส่งเมื่อเราจะออกจากบ้าน หรือมานั่งรอกระดิกหางหน้าบ้านเมื่อเรากลับมาไม่มานั่งคอยเหมือนเดิม น้องแมวที่คอยมาอ้อน คลอเคลียเรา กลับเงียบซึมไม่มาหาเหมือนเคย บางครั้งเราอาจจะคิดว่าน้องหมา น้องแมวขี้เกียจ หรืออารมณ์ไม่ดีหรือเปล่านะ เดียวก็หายแล้วกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม แต่แท้จริงแล้วอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่บอกว่าน้องหมา น้องแมวกำลังไม่สบาย ลองสังเกตอาการเบื้องต้นหากน้องหมา น้องแมวมีอาการ เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องเสีย เซื่องซึม ฯลฯ หากไม่หาย 1-2 วันควรพาไปพบแพทย์ 

การดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยที่อาจจะเกิดขึ้น เจ้าของจึงต้องพาน้องหมา น้องแมว ไปตรวจสุขภาพปีละ 1-2 ครั้ง ยิ่งสัตว์เลี้ยงอายุมากขึ้น เจ้าของอย่างเรายิ่งต้องใส่ใจสุขภาพของพวกเขามากขึ้นเช่นกัน วันนี้ Mental Life by Chanisara จะมาบอกวิธีสังเกตอาการเมื่อน้องหมา น้องแมวป่วยกันค่ะ

pet sick

ลองสังเกตอาการที่จะบอกว่า น้องหมา น้องแมว ป่วย

ไม่อยากกินอาหารทั้งที่เคยชอบกิน หากน้องหมา น้องแมวที่เรารัก ไม่ยอมกินอาหาร เกิน 1 วัน ควรจะพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคต่อไป 

กินน้ำมากกว่าปกติ ทุกคนรู้หรือไม่หากน้องหมา น้องแมวของเรา กินน้ำหรือปัสสาวะมากกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคไตและเบาหวานนั่นเองค่ะ เพราะโดยปกติแล้วน้องหมา น้องแมวจะดื่มน้ำประมาณ 50 – 70 มล. ต่อวันนั่นเองค่ะ

ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนเมื่อก่อน หากน้องหมา น้องแมว ไม่สดใสร่าเริง เหมือนอย่างที่เคยเป็น ไม่เล่นกับเรา หรือไม่ทำกิจกรรมที่เคยชอบทำ มีอาการซึมเศร้า เช่น น้องแมวไม่มาคลอเคลียเราเหมือนเคย ควรพาเขาไปปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคต่อไป

อุจจาระหรือปัสสาวะนานกว่าปกติ หากน้องมาน้องแมวยืนขับถ่ายหรือปัสสาวะนานกว่าปกติแต่ไม่มีอะไรออกมา หรือหากขับถ่ายและมีเลือดเจือปน อาจเป็นเพราะมีความผิดปกติทางทางเดินปัสสาวะ เช่น การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ หรืออาการท้องผูกอย่างรุนแรง ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตามเราต้องตรวจสอบให้ดีก่อนว่า การที่น้องหมา น้องแมว ปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ออกนั้นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมภายนอกหรือเปล่า เช่น การเปลี่ยนที่อุจจาระหรือปัสสาวะของน้องหมา น้องแมว ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พวกเขาอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ออกได้เช่นเดียวกันค่ะ 

น้ำหนักตัวลดลง การที่น้ำหนักตัวของน้องหมา น้องแมวลดลง ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนของการป่วย อาจจะเป็นเพราะพวกเขาเบื่ออาหาร หรือ อาจจะเป็นเพราะพวกเขามีความผิดปกติภายในช่องปากหรือระบบทางเดินอาหาร 

ขนร่วงผิดปกติ ขนร่วงออกมาเยอะมาก มีอาการคัน เกาจนเป็นแผล อาจจะเป็นโรคภูมิแพ้ หรือหาก มีแผลนูน หรือก้อนเนื้อที่ผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคต่อไป

น้ำมูกหรือน้ำตาเยอะ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ของโรคระบบทางเดินหายใจติดเชื้อ หากน้องหมา น้องแมว มีจมูกแฉะหรือน้ำตาไหลตลอดเวลา ควรพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคต่อไป

หากเป็นโรคอื่นๆ เช่น มีกลิ่นปากอย่างรุนแรง หูเหม็น ก็ควรพาน้องหมา น้องแมวไปพบสัตวแพทย์ เพราะอาจจะติดเชื้อในช่องปาก หรือมีแบคทีเรียที่หูได้ 

ทั้งนี้ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นแค่สัญญาณบางส่วนในการเกิดโรคในน้องหมา น้องแมว และหากพบความผิดปกติทางพฤติกรรมหรือร่างกายของน้องหมา น้องแมว ควรสังเกตยังใกล้ชิด ถ้าพบว่ามีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ควรพาเขาไปตรวจวินิจฉัยโรค เพื่อที่จะรักษาได้ทันท่วงทีและทำให้สัตว์เลี้ยงที่เรารักกลับมาแข็งแรงสดใสในเร็ววันค่ะ 

ความแตกต่างของอาการป่วยในน้องหมา – น้องแมว

การแสดงออก

น้องหมา มักจะแสดงออกถึงอาการเจ็บป่วยได้ชัดเจนกว่า เช่น ไม่ร่าเริง มีอาการซึมเศร้า ครางหงิงๆ มาอ้อนให้เราสนใจ หรือสุนัขบางตัวอาจจะไม่ร้อง ไม่แสดงอาการ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เจ็บไม่ป่วย 

น้องแมว มักจะเก็บตัวหลบซ่อนตัว ไปอยู่มุมใดมุมหนึ่งของบ้าน ไม่ออกมาเล่นเหมือน ปกติ บางทีอาจจะมีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าวเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังไม่สบาย

การกินอาหาร

น้องหมา หากไม่กินอาหารอาจเป็นเพราะ น้องหมาเบื่ออาหารก็เป็นได้ แต่ถ้าไม่กินอาหารเกิน 1-2 วันก็ควรพาไปพบสัตวแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยหาโรคต่อไป

น้องแมว การที่น้องแมวอดอาหารอาจจะเป็นอันตรายกว่าการที่น้องหมาอดอาหาร เพราะการที่น้องแมวอดอาหารมากกว่า  1 ถึง 2 วัน อาจจะเกิดภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver หรือ Hepatic Lipidosis)  ซึ่งโรคนี้เป็นอันตรายต่อชีวิต หากน้องแมวไม่ยอมกินอาหาร เกิน 2 วัน ควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

การเลียตัวเอง

น้องหมา น้องหมาจะไม่ได้เลียขนทั่วร่างกายเหมือนน้องแมว ที่เราสังเกตได้เขาจะเลียบริเวณที่เป็นแผลหรือที่ตัวเองเจ็บ

น้องแมว จะเลียขนตัวเองเป็นประจำทั่วร่างกาย หากปล่อยให้คนรุงรัง ไม่เลียขนตัวเองนั่นเป็นสัญญาณของความผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าเขากำลังป่วย

การขับถ่ายอุจจาระ

น้องหมาที่ขับถ่ายไม่เป็นที่ (ต้องเป็นกรณีที่น้องหมาได้รับการฝึกแล้ว) นั่นอาจเป็นสัญญาณบอกว่าเขากำลังมีความเครียด

น้องแมว เป็นสัตว์ที่มีวินัยในการขับถ่ายสูง หากเขาขับถ่ายแล้วไม่มีอะไรออกมาอาจเป็นสัญญาณว่าเขาป่วย อาจจะเป็นโรคท้องผูก ฯลฯ 

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ทำให้เราแยกอาการป่วยของน้องหมา น้องแมวได้ค่ะ เพราะบางครอบครัวอาจจะเลี้ยงน้องหมา น้องแมวคู่กัน

หรือบางครอบครัวอาจจะมีแค่น้องหมา น้องแมว เราจะได้สังเกตอาการเพื่อที่จะพาเขาไปรักษาต่อไปค่ะ 

หากสังเกตว่าน้องหมา น้องแมวป่วย ควรทำเช่นไร

จดบันทึกสังเกตอาการ สังเกตอาการและจดบันทึกความผิดปกติ ทางด้านพฤติกรรมและร่างกายของน้องหมา น้องแมวไว้เพื่อจะได้บอกหมอได้แม่นยำ และเราเองจะได้รู้ว่าพวกเขาอาการดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไรนั่นเองค่ะ

ค้นหาข้อมูลเบื้องต้น จากอินเทอร์เน็ตโดยใช้แหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อที่จะได้รู้อาการเบื้องต้นของน้องหมา น้องแมวและจะได้พาไปพบสัตวแพทย์ได้ทันท่วงทีค่ะ

ไม่ให้น้องหมา น้องแมวงดอาหารเกินไป ควรพยายามให้น้องหมา น้องแมวกินอาหาร เพื่อจะทำให้มีแรงและไม่ป่วยไปมากกว่านี้ค่ะ

พาไปพบสัตวแพทย์เมื่อเห็นถึงความผิดปกติ ควรพาน้องหมาน้อง แมวไปพบสัตวแพทย์ เพื่อที่จะรักษาให้หายขาด ไม่เกิดอาการลุกลามไปยังโรคอื่นๆ ค่ะ

การป้องกันอาการป่วยเบื้องต้นของน้องหมา น้องแมว

ควรพาน้องหมา น้องแมวไปตรวจสุขภาพปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะกับสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมากกว่า 8 ปี จะมีความเสี่ยงด้านสุขภาพมากกว่า ไม่ได้แข็งแรงเหมือนตอนที่เขาอายุยังน้อย ดังนั้นอาจจะตรวจร่างกายบ่อยขึ้นเพื่อป้องกันโรคที่จะตามมาในอนาคต หรือหากป่วยจะได้รักษาทันค่ะ

เพราะน้องหมา น้องแมวพูดไม่ได้ เราเลยต้องดูแลพวกเขาด้วยความใส่ใจให้มากที่สุด เพื่อที่จะได้รับรู้ถึงอาการป่วย ดูแลและพาพวกเขาไปรักษาให้น้องหมา น้องแมวกลับมาแข็งแรงได้ในเร็ววันค่ะ


Source

https://thonglorpet.com/diary/

https://www.sfspca.org/blog/is-your-pet-sick-2/ 

https://www.americanhumane.org/public-education/recognizing-caring-for-a-sick-pet/ 

https://pettownsendvet.com/blog/pet-signs-of-pain/#:~:text=Altered%20Grooming%20Habits 

https://spca.bc.ca/news/ 

https://www.petmd.com/cat/conditions/digestive/hepatic-lipidosis-cats-fatty-liver-disease 

PET HORNNIA

 

Related Articles

lose friend

เพื่อน” ที่จริงใจ คือ ของขวัญล้ำค่าที่ควรมีอยู่ในชีวิต

เมื่อเราเติบโตขึ้น “เพื่อน” อาจจะหล่นหายไปบ้าง แต่ “เพื่อน” ที่จริงใจและคอยเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เรา คือ ของขวัญล้ำค่าที่ควรมีอยู่ในชีวิต  เมื่อเราเติบโตขึ้นเพื่อนเราจะน้อยลง ทุกคนว่าจริงไหมคะ? ในชีวิตคนเราอาจจะต้องพบเจอคนมากมาย ในจุดเริ่มต้นของการมีเพื่อน คนในครอบครัวเป็นคนเลือกสังคมให้เรา เช่น การเลือกสังคมโรงเรียน หรือการพาเราไปเล่นกับลูกเพื่อน และหากใครมาเล่นกับเรา เราก็จะนับว่าเขาคือ “เพื่อน” ทำให้ตอนเด็กๆ

the power of love

“พลังของความรัก” จะทำให้เราจับมือกันก้าวผ่านทุกอุปสรรค และเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้

“พลังของความรัก” จะทำให้เราจับมือกันก้าวผ่านทุกอุปสรรค และเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ ทุกคนเชื่อในพลังแห่งความรักไหมคะ ความรักสามารถเปลี่ยนแปลงใครคนหนึ่งให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้ แต่ความรักไม่ได้มีเวทมนตร์พิเศษอะไรหรอกค่ะ เพียงแค่ความรักเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ใครบางคน อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีกว่าเดิมเพื่อใครอีก คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองคู่ควรกับความรัก ความสัมพันธ์นั้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมความรักถึงทรงพลัง ความรักยังมีพลังทำให้มนุษย์เราสามารถจับมือก้าวผ่านทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นจากกลไกลทางจิตวิทยา การสนับสนุนของคู่รัก และวัฒนธรรมในบริบทของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคู่รักชายหญิง หรือคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ  หากย้อนกลับไปในสมัยอดีต ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความรักของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศนั้น

Presenteeism

ฟังเสียงร่างกายด้วยหัวใจ รู้จักกับภาวะ Presenteeism ฝืนทำงานทั้งที่ร่างกาย-จิตใจไม่ไหว

ใครเคยเป็นบ้างคะ ฝืนทำงานทั้งที่สภาพร่างกายหรือสภาพจิตใจไม่ไหว เพราะไม่อยากลาหยุด แต่การฝืนทำงานทั้งที่ยังป่วยอาจทำให้เราป่วยเพิ่มมากขึ้นและอาจจะทำให้เราทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยในประเทศไทยมีคนมากกว่า 50% ยังไปทำงานทั้งที่ยังคงเผชิญอาการป่วยทางร่างกายไม่เพียงเท่านั้นยังพบว่า ผู้คนประมาณ 27.5% ยังคนฝืนทำงานทั้งที่มีปัญหาสุขภาพใจ นอกจากนี้มีการสำรวจพบว่ายังมีบางคนฝืนทำงานมากกว่า 5 ครั้งทั้งที่ป่วยภายใน 1 ปี อีกด้วยค่ะ  ทำไมหลายคนถึงทำเช่นนั้นอาจเป็นเพราะ อาจจะมองว่าเป็นภาระหน้าที่ที่เราต้องทำ งานนั้นไม่มีใครทำแทนเราได้ มีงานด่วน